ประกันสุขภาพปี 2025อาจมีแต่ร่วมจ่าย


แนวโน้มของประกันสุขภาพในปี 2025 การร่วมจ่ายแบบ Deductible และ Co-Payment

ในปี 2025 แนวโน้มของประกันสุขภาพกำลังเปลี่ยนไปสู่การใช้รูปแบบการร่วมจ่าย (copay) มากขึ้น โดยเฉพาะในสองรูปแบบหลัก ได้แก่ Deductible และ Co-Payment ซึ่งแต่ละรูปแบบมีข้อดีและลักษณะเฉพาะที่เหมาะกับผู้บริโภคที่แตกต่างกัน เรามาทำความเข้าใจแนวคิดเหล่านี้ในแบบที่เข้าใจง่ายกันเถอะ

1. Deductible (ค่าความเสียหายส่วนแรก)

  • คืออะไร? Deductible คือจำนวนเงินที่ผู้เอาประกันต้องจ่ายเองก่อนที่บริษัทประกันจะเริ่มชดเชยค่าใช้จ่ายให้ ตัวอย่างเช่น หากคุณมี deductible ที่ 30,000 บาท คุณจะต้องจ่ายค่าใช้จ่ายสุขภาพส่วนแรกจำนวนนี้ด้วยตัวเอง จากนั้นบริษัทประกันจะเริ่มจ่ายในส่วนที่เกินจาก 30,000 บาท
  • ใครเหมาะกับ Deductible? Deductible มักเหมาะกับผู้ที่ต้องการจ่ายเบี้ยประกันภัยรายปีที่ต่ำกว่า และคาดว่าจะมีค่าใช้จ่ายสุขภาพที่ไม่สูงมาก หรือผู้ที่ไม่ค่อยใช้บริการสุขภาพบ่อยครั้ง

2. Co-Payment (ร่วมจ่าย)

  • คืออะไร? Co-Payment คือการที่ผู้เอาประกันจะต้องจ่ายค่าใช้จ่ายบางส่วนของบริการทางการแพทย์หรือการรักษาพยาบาล ตัวอย่างเช่น หากค่ารักษาพยาบาลทั้งหมดคือ 50,000 บาท และมีการกำหนด co-payment ไว้ที่ 20% คุณจะต้องจ่าย 10,000 บาทเอง และบริษัทประกันจ่าย 40,000 บาทที่เหลือ
  • ใครเหมาะกับ Co-Payment? Co-Payment เหมาะกับผู้ที่ต้องการควบคุมค่าใช้จ่ายสุขภาพของตนเองในขณะที่ยังคงได้รับการคุ้มครองจากประกัน โดยมักจะเลือกใช้เมื่อมีค่าใช้จ่ายที่ไม่สูงมาก และต้องการประหยัดเบี้ยประกันรายปี


แนวโน้มการใช้ Deductible และ Co-Payment ในปี 2025

  1. ประกันที่ยืดหยุ่นและคุ้มค่า: บริษัทประกันจะเน้นเสนอแผนที่มี deductible และ co-payment เพื่อให้ลูกค้าเลือกปรับแต่งความคุ้มครองให้ตรงกับงบประมาณและความต้องการของตนเองได้ง่ายขึ้น

  2. การตระหนักถึงค่าใช้จ่ายและสุขภาพ: ผู้บริโภคจะตระหนักถึงการดูแลสุขภาพของตนเองมากขึ้น โดยเฉพาะในยุคที่ค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลเพิ่มสูงขึ้น การใช้ deductible และ co-payment ทำให้ผู้บริโภคมีส่วนร่วมในการรับผิดชอบค่าใช้จ่ายบางส่วน ทำให้เลือกใช้บริการทางการแพทย์อย่างมีประสิทธิภาพ

  3. เบี้ยประกันที่หลากหลายและคุ้มค่า: ด้วยรูปแบบเหล่านี้ บริษัทประกันจะสามารถเสนอเบี้ยประกันภัยในอัตราที่หลากหลายและยืดหยุ่นตามระดับการร่วมจ่ายของลูกค้า ทำให้ผู้บริโภคสามารถเข้าถึงประกันชีวิตและสุขภาพที่เหมาะสมกับความต้องการและกำลังทรัพย์ได้มากขึ้น

ในปี 2025 รูปแบบการร่วมจ่ายแบบ deductible และ co-payment จะกลายเป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้บริโภคที่ต้องการความคุ้มครองที่มีความยืดหยุ่นและควบคุมค่าใช้จ่ายได้อย่างเหมาะสม


จะเป็นยังไงถ้าบริษัทประกัน ขายประกันสุขภาพแบบมีความรับผิดส่วนแรก Deductible และ Co-Paymen ในปี 2025 นี้ และจะยกเลิกแบบประกันสุขภาพแบบเดิม

หากบริษัทประกันสุขภาพตัดสินใจขายประกันสุขภาพเฉพาะแบบที่มีความรับผิดส่วนแรก (Deductible) และร่วมจ่าย (Co-Payment) ในปี 2025 และยกเลิกแบบประกันสุขภาพแบบเดิมที่ไม่มีการร่วมจ่าย อาจส่งผลกระทบในหลายด้าน ดังนี้:

1. ผลกระทบต่อผู้บริโภค

  • กลุ่มผู้บริโภคที่มีสุขภาพดี: ผู้บริโภคที่มีสุขภาพดีและไม่ค่อยใช้บริการทางการแพทย์จะได้รับประโยชน์จากรูปแบบประกันที่มี deductible และ co-payment เนื่องจากพวกเขาสามารถเลือกจ่ายเบี้ยประกันในอัตราที่ต่ำกว่า และจ่ายเมื่อจำเป็นเท่านั้น
  • กลุ่มผู้บริโภคที่มีโรคประจำตัวหรือใช้บริการทางการแพทย์บ่อย: สำหรับผู้ที่มีโรคประจำตัวหรือจำเป็นต้องเข้ารับการรักษาพยาบาลบ่อยครั้ง การมี deductible และ co-payment อาจเพิ่มภาระทางการเงิน เนื่องจากต้องจ่ายค่ารักษาพยาบาลส่วนหนึ่งด้วยตนเองก่อนที่บริษัทประกันจะเข้ามาชดเชย

2. ผลกระทบต่อบริษัทประกัน

  • การบริหารความเสี่ยง: บริษัทประกันจะสามารถบริหารความเสี่ยงได้ดีขึ้น เนื่องจากลูกค้าที่มีความเสี่ยงต่ำจะเลือกแผนที่มี deductible และ co-payment ที่สูง เพื่อแลกกับเบี้ยประกันที่ต่ำกว่า ในขณะที่ลูกค้าที่ใช้บริการทางการแพทย์บ่อยจะต้องจ่ายค่าใช้จ่ายบางส่วนเอง ซึ่งช่วยลดภาระของบริษัทในการชดเชยค่ารักษาพยาบาลเต็มจำนวน
  • ความซับซ้อนในการขายและการตลาด: บริษัทอาจต้องพัฒนากลยุทธ์การขายและการตลาดที่ชัดเจนเพื่ออธิบายข้อดีและข้อเสียของแผนประกันรูปแบบใหม่ให้แก่ผู้บริโภค การสื่อสารถึงความคุ้มค่าและความเหมาะสมจะเป็นสิ่งสำคัญในการทำให้ลูกค้ายอมรับรูปแบบประกันแบบใหม่

3. ผลกระทบต่อภาพลักษณ์และความเชื่อมั่นของลูกค้า

  • ความไว้วางใจของลูกค้า: การยกเลิกแผนประกันแบบเดิมอาจทำให้ลูกค้าที่เคยพอใจกับแผนประกันเดิมรู้สึกไม่พอใจและสูญเสียความไว้วางใจในบริษัท โดยเฉพาะหากพวกเขารู้สึกว่ารูปแบบใหม่เพิ่มภาระทางการเงินหรือไม่ตรงกับความต้องการของพวกเขา
  • การปรับตัวของลูกค้า: ลูกค้าอาจต้องใช้เวลาปรับตัวเพื่อทำความเข้าใจและยอมรับรูปแบบประกันแบบใหม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มที่ไม่คุ้นเคยกับแนวคิดของ deductible และ co-payment ซึ่งอาจต้องการข้อมูลและการสนับสนุนเพิ่มเติมจากบริษัทประกัน

4. ผลกระทบต่อระบบสุขภาพโดยรวม

  • การเลือกใช้บริการทางการแพทย์: การที่ผู้บริโภคต้องจ่ายค่าใช้จ่ายบางส่วนด้วยตนเองจะทำให้พวกเขาใช้บริการทางการแพทย์อย่างระมัดระวังมากขึ้น อาจส่งผลให้ระบบสุขภาพมีความยั่งยืนและลดการใช้บริการที่ไม่จำเป็น
  • การเข้าถึงการรักษาพยาบาล: ในทางกลับกัน รูปแบบที่ต้องร่วมจ่ายอาจเป็นอุปสรรคสำหรับบางกลุ่มในการเข้าถึงการรักษาพยาบาลที่จำเป็น เนื่องจากพวกเขาอาจเลือกไม่เข้ารับการรักษาเพราะไม่สามารถรับภาระค่าใช้จ่ายส่วนแรกได้

โดยสรุป การที่บริษัทประกันจะเปลี่ยนไปขายประกันสุขภาพเฉพาะแบบที่มี deductible และ co-payment ในปี 2025 อาจส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทั้งในด้านบวกและด้านลบสำหรับผู้บริโภค บริษัทประกัน และระบบสุขภาพโดยรวม ซึ่งบริษัทจะต้องเตรียมพร้อมในการบริหารจัดการและสื่อสารกับลูกค้าเพื่อให้สามารถเปลี่ยนผ่านไปสู่ระบบใหม่ได้อย่างราบรื่นและยั่งยืน



ให้เราดูแลคุณสนใจติดต่อตัวแทน

สมศักดิ์ ประกอบศิลป์

เบอร์ติดต่อ