คุ้มครองอนาคตของอีกฝ่ายในกรณีฉุกเฉิน

หากฝ่ายหนึ่งเสียชีวิต อีกฝ่ายจะได้รับเงินประกัน

แสดงความรับผิดชอบและผูกพันในความสัมพันธ์

แม้จะไม่มีใบทะเบียนสมรส แต่การทำประกันชีวิตให้กันก็เป็น “หลักฐานของความรักและความผูกพัน” ในแบบรูปธรรม
ยังช่วยสร้างความมั่นใจให้ครอบครัวของอีกฝ่ายเห็นถึงความจริงจังในความสัมพันธ์

เพิ่มความมั่นคงทางการเงินร่วมกัน

บางคู่วางแผนใช้ประกันชีวิตเป็นส่วนหนึ่งของ การวางแผนเกษียณหรือการลงทุน
หรือใช้ประกันสะสมทรัพย์ในการออมเงินระยะยาว โดยระบุชื่อคู่รักเป็นผู้รับผลประโยชน์หากเสียชีวิตก่อนครบกำหนด

ป้องกันความขัดแย้งกับครอบครัวของอีกฝ่าย

หากไม่มีพินัยกรรมหรือกรมธรรม์ที่ระบุชื่อชัดเจน เมื่อฝ่ายหนึ่งเสียชีวิต ทรัพย์สินอาจตกไปยังครอบครัวฝ่ายนั้นแทน แม้จะไม่ได้เป็นผู้ดูแลหรือใช้ชีวิตร่วมกัน

ในปี 2025 คู่รัก LGBTQ+ ในประเทศไทยสามารถทำประกันชีวิตและระบุชื่อกันและกันเป็นผู้รับผลประโยชน์ได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย โดยมีรายละเอียดและเงื่อนไขที่ควรทราบดังนี้:

เงื่อนไขและข้อควรทราบ:

สถานะของผู้รับผลประโยชน์ต้องชัดเจน

ไม่จำเป็นต้องเป็นคู่สมรสตามกฎหมาย (จดทะเบียนสมรส) ก็สามารถตั้งชื่อเป็นผู้รับผลประโยชน์ได้
แต่หากไม่ได้จดทะเบียนสมรสหรือมีความสัมพันธ์ทางกฎหมาย (เช่น คู่ชีวิตตามกฎหมาย) อาจต้องชี้แจงสถานะความสัมพันธ์กับบริษัทประกัน

เอกสารที่ใช้ประกอบการทำประกัน

สำเนาบัตรประชาชน ทั้ง 2 คน
บันทึกความสัมพันธ์

กรณีเสียชีวิต

หากมีการระบุผู้รับผลประโยชน์ไว้ชัดเจนในกรมธรรม์ (ชื่อ + ความสัมพันธ์) บริษัทประกันจะจ่ายเงินให้บุคคลนั้น ไม่ว่าจะมีความสัมพันธ์ทางกฎหมายหรือไม่

สรุปสั้น:

“การทำประกันชีวิตให้กันคือวิธีที่คู่รัก LGBTQ+ ใช้สร้างความมั่นคงและยืนยันสิทธิในความสัมพันธ์ แม้ไม่มีการจดทะเบียนสมรสตามกฎหมาย”

หากคุณสนใจ สุภาภรณ์สามารถช่วยแนะนำประเภทประกันที่เหมาะกับคู่รัก LGBTQ+ เช่น ประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์, ประกันสุขภาพคู่, หรือประกันอุบัติเหตุร่วมกันได้คะ.

คู่รัก LGBTQ+ สามารถทำประกันชีวิตเพื่อให้กันและกัน 66 views 4 shares 0 like

ให้เราดูแลคุณสนใจติดต่อตัวแทน

สุภาภรณ์ สุวรรณน้อย

บทความที่น่าสนใจอื่น ๆ

Social Media

ติดต่อสอบถาม

คู่รัก LGBTQ+ สามารถทำประกันชีวิตเพื่อให้กันและกัน
66 views 4 shares 0 like